นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช อธิบดีกรมการประกันภัยเปิดเผยเกี่ยวกับประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การจัดสรรเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ของบริษัท และเงินสำรองสำหรับค่าสินไหมทดแทนของบริษัทประกันวินาศภัย ฉบับลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2543 ที่กำหนดให้บริษัทต้องตั้งเงินสำรองสำหรับเบี้ยประกันภัยที่ยังไม่ตกเป็นรายได้ของบริษัท และสำหรับค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากว่าบริษัทประกันวินาศภัยมีภาระผูกพันที่จะต้องชดใช้ให้กับผู้เอาประกันภัยในกรณีผู้เอาประกันภัยต้องการยกเลิกกรมธรรม์หรือเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น รวมทั้งเพื่อให้บริษัทได้แสดงภาวะหนี้สินของบริษัทให้เป็นไปตามความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามหลักวิชาการและสอดคล้องกับหลักสากล เพื่อให้บริษัทมีความมั่นคง นางสาวพจนีย์ ธนวรานิช ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในประกาศฯดังกล่าว ทรัพย์สินที่บริษัทสามารถจัดสรรไว้เป็นเงินสำรองฯ ประกอบด้วยเงินสด พันธบัตรรัฐบาลไทย รวมทั้งทรัพย์สินที่ลงทุนตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัท เงินค้างรับจากการประกันภัยต่อเบี้ยประกันภัยค้างรับจากการประกันภัยโดยตรง รายได้จากการลงทุนค้างรับ และอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท แต่เมื่อถึง 1 มกราคม 2546 เป็นต้นไป บริษัทจะไม่สามารถนำอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมาจัดสรรไว้เป็นเงินสำรองได้อีกต่อไป ซึ่งบริษัทประกันวินาศภัยได้รับทราบการอนุโลมให้นำอสังหาริมทรัพย์มาจัดสรรเป็นเงินสำรองมาเป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้ว การที่กรมการประกันภัยได้มีหนังสือเตือนออกไปก็เนื่องจากเห็นว่าใกล้ครบกำหนดเวลาอนุโลมแล้ว จึงเตือนให้บริษัทสำรวจและจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ว่าจะต้องสอดคล้องกับการจัดสรรเงินสำรองด้วย เพื่อให้ทุกบริษัทปฏิบัติได้อย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งนี้เจตนารมย์ก็เพื่อต้องการให้บริษัทประกันวินาศภัยมีความมั่นคง สินทรัพย์ที่มีไว้จัดสรรเป็นเงินสำรองจะต้องมีความคล่องตัวให้สอดคล้องกับภาวะหนี้สินที่บริษัทมีอยู่ และถึงแม้ว่าในปี 2546 บริษัทไม่สามารถนำอสังหาริมทรัพย์มาจัดสรรเป็นเงินสำรองได้ แต่อสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวของบริษัทยังคงนับรวมอยู่ในด้านสินทรัพย์ของบริษัทไม่เปลี่ยนแปลง ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กรมการประกันภัย โทรศัพท์ 0-2547-4542