ประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกเสนอชื่อเป็นเลขาธิการ คปภ.
Attachment | Size |
---|---|
![]() | 133.97 KB |
![]() | 211.26 KB |
![]() | 44.07 KB |
Attachment | Size |
---|---|
![]() | 133.97 KB |
![]() | 211.26 KB |
![]() | 44.07 KB |
Attachment | Size |
---|---|
![]() | 164.42 KB |
![]() | 79.78 KB |
![]() | 362.77 KB |
Attachment | Size |
---|---|
![]() | 98.08 KB |
![]() | 113.46 KB |
คปภ. ลงพื้นที่ทันทีให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัย กรณีพายุพัดถล่มหลังคาโดมโรงเรียนวัดเนินปอเป็นเหตุให้ “นักเรียน-โค้ชฝึกสอนฟุตบอล-ประชาชน” เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บ 18 ราย ที่จังหวัดพิจิตร
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีพายุฝนกระหน่ำและลูกเห็บตก บริเวณบ้านเนินปอ หมู่ 1 ตำบลเนินปอ อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง ต้นไม้ล้ม อาคารบ้านเรือนของชาวบ้านพังเสียหายจำนวนมาก และความแรงลมได้พัดหลังคาโดมของโรงเรียนวัดเนินปอ พังถล่มลงมาทับนักเรียน โค้ชฝึกสอนฟุตบอล และประชาชนที่หลบฝนอยู่ในบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บ 18 ราย โดยผู้บาดเจ็บถูกนำส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสามง่าม 13 ราย และโรงพยาบาลพิจิตร จำนวน 5 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ. ภาค 2 (นครสวรรค์) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทำประกันภัยพร้อมทั้งติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับครอบครัวของผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
ทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ซึ่งได้ลงพื้นที่ทันทีพบว่า ผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย โค้ชฝึกสอนฟุตบอล 1 ราย ประชาชน 2 ราย และนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย และจากการตรวจสอบการทำประกันภัยเบื้องต้นพบว่าโรงเรียนวัดเนินปอ ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 6,000 บาท ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตภายนอกโรงเรียนจำนวน 60,000 บาทต่อราย และความคุ้มครองกรณีนักเรียนเสียชีวิตภายในโรงเรียนจำนวน 120,000 บาทต่อราย
สำหรับการติดตามค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานงานไปยังบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) แล้ว ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตในวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม 2566 โดยนักเรียนโรงเรียนวัดเนินปอ 2 ราย จะได้รับค่าสินไหมทดแทนรายละ 120,000 บาท ส่วนโค้ชฝึกสอนฟุตบอลจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจำนวน 560,000 บาท โดยได้รับความคุ้มครองจากบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จำนวน 60,000 บาท และจากการทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้กับบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 27 มกราคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 26 มกราคม 2567 โดยกรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต จำนวน 500,000 บาท ในส่วนของนักเรียนโรงเรียนเนินปอรังนกชนูทิศ 2 ราย ตรวจสอบพบว่าทางโรงเรียนฯ ได้ทำประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล ไว้กับบริษัท ชับบ์สามัคคีประกันภัย จำกัด (มหาชน) เริ่มคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 1 พฤษภาคม 2567 โดยกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาลตามจริงไม่เกินวงเงินจำนวน 10,000 บาท และความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตจำนวน 100,000 บาท ซึ่งบริษัทตกลงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาทผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต จำนวน 2 รายๆ ละ 100,000 บาท และประชาชน 2 ราย ที่เสียชีวิตด้วยนั้น ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบยังไม่พบข้อมูลการทำประกันภัยแต่อย่างใด ทั้งนี้หากตรวจสอบพบว่ามีการทำประกันภัยภายหลัง สำนักงาน คปภ. จะช่วยประสานงานอำนวยความสะดวกและติดตามอย่างใกล้ชิดให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นธรรมต่อไป สำหรับผู้บาดเจ็บ 18 ราย ที่เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสามง่าม และโรงพยาบาลพิจิตร ทางสำนักงาน คปภ. จังหวัดพิจิตร ได้ประสานบริษัทประกันภัยและโรงพยาบาล เพื่อรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บที่มีสิทธิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. จะบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทำประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีกก็จะช่วยประสานงานให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้
“สำนักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากภัยธรรมชาติในครั้งนี้ และพร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน
เพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสำคัญกับการทำประกันภัยเพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านประกันภัย ติดต่อสายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
รองเลขาธิการ คปภ. นำคณะผู้บริหาร สำนักงาน คปภ. บันทึกเทปถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี
เลขาธิการ คปภ. เชิญชวนประชาชนใช้บริการเว็บไซต์ “กูรูประกันภัย” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเปรียบเทียบกรมธรรม์ประกันภัยออนไลน์ของบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เผยมีผู้ใช้บริการแล้ว กว่า 179,082 ครั้ง
สำนักงาน คปภ. ยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนด้านประกันภัยด้วยเทคโนโลยี เลขาธิการ คปภ. กดปุ่มเปิดระบบ E–Arbitration ให้บริการเต็มรูปแบบพร้อมกันทั่วประเทศแล้ว
ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานแถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่ของสำนักงาน คปภ.และเปิดตัวโปรแกรมระบบการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการออนไลน์ เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 ณ อาคารสถาบันวิทยาการประกันภัยระดับสูง สำนักงาน คปภ. ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร โดยเปิดเผยว่า สำนักงาน คปภ. ได้มีการปรับตัวให้เข้าสู่ยุค Next Normal ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ ทั้งด้านการกำกับและส่งเสริมภาคธุรกิจประกันภัย การคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยให้มีความสะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์และการใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในรูปแบบต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญของสำนักงาน คปภ. ในการยกระดับการให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยีใน 3 มิติใหม่คือ
มิติแรก ปรับปรุงโฉมของ Website สำนักงาน คปภ. ด้วยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้มีความทันสมัยเพื่อลดขั้นตอนในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายมากขึ้น โดยรวบรวมข้อมูลด้านการประกันภัยเสมือนเป็นห้องสมุดด้านการประกันภัยที่รองรับทุกการเข้าถึงในทุกอุปกรณ์ ทั้งจากโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดยปรับเพิ่มรูปแบบ Website สำนักงาน คปภ. เช่น นำระบบ Chatbot ซึ่งเดิมอยู่แยกต่างหากมารวมไว้ ทำให้เกิดความสะดวกแก่ประชาชนในการสอบถามข้อมูลด้านการประกันภัยได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพิ่มระบบค้นหาสำนักงาน คปภ. ทุกแห่งทั่วประเทศด้วยระบบ Google Map เพิ่มระบบค้นหา Search ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น แบ่งหมวดหมู่ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น มีการบริการอิเล็กทรอนิกส์ของสำนักงาน คปภ. ที่สามารถรองรับทั้งภาคประชาชน และภาคธุรกิจ นอกจากนี้ยังสามารถเข้าชม OIC Virtual Museum พิพิธภัณฑ์เสมือนรูปแบบ 360 องศา ที่รวบรวมประวัติการประกันภัยไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งมีการรวบรวมข่าวสาร ปฏิทินกิจกรรมของสำนักงาน คปภ. ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคไว้อย่างเป็นระบบครบวงจรด้วย “รอบรู้ประกันภัย ครบใน Web เดียว กับ www.oic.or.th”
มิติที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ สำนักงาน คปภ. โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในกระบวนงาน หรือ ระบบ E–Arbitration ที่มีการเปิดตัวในวันนี้ ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบสารสนเทศต่อยอดมาจากระบบ PPMS (Policyholder Protection Management System) ที่มีอยู่ โดยระบบดังกล่าวสามารถรองรับกระบวนการพิจารณาผ่านระบบออนไลน์ในทุกขั้นตอนอย่างครบวงจร ตั้งแต่การยื่นคำเสนอข้อพิพาท การยื่นคำคัดค้าน การวางและคืนเงินเป็นหลักประกัน การตั้งอนุญาโตตุลาการ การกำหนดวันนัดพิจารณา การส่งและสั่งคำร้อง การสืบพยาน การจัดทำคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ รวมทั้งสามารถจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ เพื่อสนับสนุนข้อมูลสำหรับวิเคราะห์และจัดทำรายงานข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้องกับงานอนุญาโตตุลาการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ในการพัฒนาระบบ E – Arbitration เพื่อนำมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการนั้น สำนักงาน คปภ. ได้วิเคราะห์สภาพปัญหาของกระบวนการที่ใช้ในปัจจุบัน จนได้ข้อสรุปว่าจำเป็นต้องนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและการดำเนินงาน จากนั้นจึงได้มีการพัฒนาระบบแล้วได้เชิญผู้มีส่วนที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ประกอบด้วย ผู้แทนผู้เสนอข้อพิพาท ผู้แทนผู้คัดค้าน (บริษัทประกันภัย) และอนุญาโตตุลาการสำนักงาน คปภ. ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เข้าร่วมทดสอบระบบและรับฟังข้อเสนอแนะในระหว่างวันที่ 20-22 พฤศจิกายน 2565 พร้อมทั้งได้นำข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาปรับปรุงและพัฒนาระบบเพิ่มเติม นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 สำนักงาน คปภ. ได้เตรียมความพร้อมและซักซ้อมความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องก่อนเปิดใช้งานระบบ E–Arbitration อย่างเป็นทางการ โดยระบบ E–Arbitration จะเป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายในกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ ซึ่งในแง่ประชาชนผู้เอาประกันภัย จะทำให้กระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนพิจารณา ซึ่งมีผลทำให้ได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือยุติข้อพิพาทได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงและติดตามความคืบหน้าได้ตลอดทุกที่และตลอดกระบวนการ ส่วนทางด้านบริษัทผู้รับประกันภัยก็จะช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกระบวนการพิจารณา โดยไม่ต้องเดินทางมา ณ ที่ทำการของอนุญาโตตุลาการในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งลดภาระการดำเนินการทางเอกสาร และสามารถบริหารจัดการค่าสินไหมทดแทนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ในส่วนของอนุญาโตตุลาการและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็จะช่วยให้มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ในกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการมากขึ้น
สำหรับการใช้งานระบบ E – Arbitration ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการระงับข้อพิพาทด้วยวิธีอนุญาโตตุลาการ สามารถเข้าใช้งานได้ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน คปภ. (WWW.OIC.OR.TH) โดยทำการเลือกที่ MENU “อนุญาโตตุลาการออนไลน์” ทั้งนี้ การเปิดใช้งานระบบเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนที่มีความพร้อมในการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นของการใช้ระบบนี้ สำนักงาน คปภ. ยังคงเปิดรับการให้บริการคู่พิพาทตามรูปแบบเดิมคู่ขนานกันไปด้วย ในส่วนของวิธีการใช้งานและช่องทางในการใช้งานผ่านระบบ E-Arbitration ดังกล่าว ประชาชน บริษัทประกันภัย และอนุญาโตตุลาการ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและเข้าใช้งานโดยสำนักงาน คปภ. ได้มีการเผยแพร่คู่มือการใช้งานและคลิปวิดีโอแนะนำการใช้งานต่าง ๆ ตลอดจนเอกสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ได้ที่ Website สำนักงาน คปภ. Facebook สำนักงาน คปภ. OIC Mobile Application : คปภ. รอบรู้ และสายด่วน คปภ. 1186
มิติที่ 3 สำนักงาน คปภ. อยากให้ช่องทางการสื่อสารของสำนักงาน คปภ. สามารถครอบคลุมประชาชนได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย จึงได้เพิ่มช่องทางการสื่อสารด้านการประกันภัย อีก 3 ช่องทาง คือ Instagram Twitter และ TikTok และปรับชื่อ Facebook YouTube ใหม่ เพื่อป้องกันความสับสนและเพื่อจะได้ง่ายต่อการจดจำโดย Facebook : เปลี่ยนจาก proic2012 เป็น oicthailand ในส่วนของ YouTube : เปลี่ยนจาก oicstation เป็น oic.thailand สำหรับInstagram หรือ IG : ใช้ชื่อในการค้นหา คือ oic.thailand ในขณะที่ Twitter : ใช้ชื่อในการค้นหา คือ oic_thailand และ TikTok : ใช้ชื่อในการค้นหา คือ oicthailand
“สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนาการให้บริการประชาชนด้านประกันภัยอย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสำนักงาน คปภ. จะติดตามการใช้งานระบบ E–Arbitration อย่างต่อเนื่อง พร้อมรับฟังความคิดเห็นและข้อแนะนำจากผู้ใช้งานเพื่อนำมาปรับปรุงระบบงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
คปภ. สั่งทีมคนกลางประกันภัยตรวจสอบ “แอม ไซยาไนด์” กรณีเป็นตัวแทนประกันภัย
คปภ. ปักหมุดโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 เปิดตัวสารคดีสั้น The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ. เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อให้คนพิการสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยได้อย่างเท่าเทียม
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เป็นประธานเปิดตัวสารคดีสั้น The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.
ในโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 โดยมี นางสาวสราญภัทร อนุมัติราชกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย นายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน นายกสมาคมนายหน้าประกันภัยไทย อุปนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย อุปนายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ผู้แทนสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย เลขาธิการและประชาสัมพันธ์สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงาน คปภ. ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด และสื่อมวลชน เข้าร่วมอย่างคึกคัก ณ ห้องซารอน A ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล รัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
เลขาธิการ คปภ. กล่าวใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า จากข้อมูลคนพิการในประเทศไทย ของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมี "คนพิการ" ที่ได้รับการออกบัตรประจำตัวคนพิการ จำนวน 2,108,536 คน และยังพบว่ามีคนพิการอีกประมาณกว่า 1,000,000 คน ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิพื้นฐานของคนพิการได้ในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มคนพิการในประเทศนั้นมีศักยภาพและความสามารถสูง แต่ถูกจำกัดการเข้าถึงอาชีพ ยังไม่ได้รับโอกาสให้แสดงความสามารถ และอาจมีข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ดังนั้นสำนักงาน คปภ. จึงได้เล็งเห็นความสำคัญในการนำระบบประกันภัยเข้ามาบริหารความเสี่ยงให้กับกลุ่มคนพิการอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 เพื่อส่งเสริมความรู้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยและสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่กลุ่มคนพิการ ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าและประโยชน์ของการประกันภัย และสามารถเข้าถึงระบบการประกันภัยได้อย่างทั่วถึง อีกทั้งเพื่อสนับสนุนโอกาสและความเท่าเทียมในสังคม และเสริมสร้างแรงบันดาลใจต่อการดำรงชีวิตให้กับกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ ภายใต้การดำเนินโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ซึ่งจัดทำเป็นปีที่ 2 โดยมีกิจกรรมหลัก ๆ 3 ส่วน คือ ส่วนแรก เป็นกิจกรรมเสวนา ซึ่งมี อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุงโบรคเกอร์ จำกัด และเลขาธิการ คปภ. เป็นผู้ร่วมเสวนา เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางส่งเสริมคุณภาพชีวิตคนพิการด้วยการนำระบบประกันภัยมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 4 มิติ คือ
มิติแรก ส่งเสริมองค์ความรู้พื้นฐาน และความสำคัญของการทำประกันภัยให้แก่กลุ่มคนพิการได้ทราบถึงประโยชน์ของการประกันภัยที่เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงให้กับชีวิตและทรัพย์สิน
มิติที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ ๆ ให้สามารถตอบสนองการดำเนินชีวิตของประชาชนทุกระดับ ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้ร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัย จัดทำกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อคนพิการ ภายใต้ชื่อ “กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคนพิการสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)” และ “กรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อมวลชน”
มิติที่ 3 เสริมสร้างศักยภาพของคนพิการ และสร้างโอกาสในเส้นทางสายอาชีพอุตสาหกรรมประกันภัยให้แก่คนพิการได้สามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมประกันภัย และมิติที่ 4 เสริมสร้างแรงบันดาลใจต่อการดำรงชีวิตให้กับกลุ่มคนพิการทั่วประเทศ เพื่อให้เห็นศักยภาพและความสามารถในตนเอง และสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
ส่วนที่ 2 กิจกรรมออกบูธนิทรรศการ โดยได้รับความร่วมมือจากภาคธุรกิจประกันภัย กองทุนประกันชีวิต กองทุนประกันวินาศภัย กองทุนทดแทนผู้ประสบภัยเพื่อให้คำปรึกษาด้านการประกันภัย และองค์กรเพื่อคนพิการเข้าร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์จากคนพิการ
ส่วนที่ 3 กิจกรรมมอบกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุเพื่อคนพิการสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวร์รันส์) ให้กับ 3 สมาคม ได้แก่ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย รวมถึงนักดนตรีคนพิการ รวมมูลค่าความคุ้มครองสูงสุด 1.7 ล้านบาท
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า ความพิเศษของโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 คือ สำนักงาน คปภ. ได้จัดทำสารคดีสั้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนพิการทั่วประเทศ โดยนำบุคคลต้นแบบคนพิการ 4 ท่าน มาส่งต่อแรงบันดาลใจ ภายใต้แนวคิด “The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.” โดยบอกเล่าเรื่องราว ปัญหา อุปสรรค และแรงบันดาลใจของคนพิการต้นแบบที่ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านโปสการ์ด ด้วยหวังว่าเรื่องราวที่นำเสนอนั้น จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ท้อแท้หรือกำลังเผชิญปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือคนปกติทั่วไป ซึ่งบุคคลต้นแบบ 4 ท่าน ที่มาส่งต่อแรงบันดาลใจ ได้แก่คุณณิชชารีย์ เป็นเอกชนะศักดิ์ หรือ “น้องธันย์” จากที่เป็นข่าวใหญ่เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมาผู้สูญเสียขาจากอุบัติเหตุโดนรถไฟทับขาที่สิงคโปร์ แต่เธอกลับมีกำลังใจที่เข้มแข็งและใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขลุกขึ้นมาส่งต่อกำลังใจให้แก่ผู้สิ้นหวังจนเป็นที่ยอมรับและถูกชื่นชมในฐานะนักสร้างแรงบันดาลใจ คุณดำเกิง มุ่งธัญญา หรือ ครูไอซ์ ครูตาบอดที่ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ถึงแม้กว่าจะมาได้เป็นครูต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ครูไอซ์ก็สามารถพิสูจน์ด้วยการกระทำและจิตวิญญาณในความเป็นครู ที่มีอยู่ในตัวอย่างเต็มเปี่ยมจนเป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน คุณสายสุนีย์ จ๊ะนะ หรือที่รู้จักกันในนาม “คุณแวว ยอดนักวีลแชร์ฟันดาบสาวไทยเจ้าของ 6 เหรียญพาราลิมปิกเกมส์” ที่มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ และไม่ยอมแพ้ต่อร่างกายที่เป็นอุปสรรค แต่มีจิตใจที่เป็นนักสู้โดยแท้ จนประสบความสำเร็จด้านกีฬาสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยและเป็นตัวอย่างที่น่ายกย่อง และคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี ประธานกรรมการบริษัท ศรีกรุง โบรกเกอร์ จำกัด บอกเล่าประสบการณ์และความมุ่งมั่น ซึ่งทำให้ความพิการไม่เป็นอุปสรรคในการทำให้บริษัท ศรีกรุงฯ เติบโตและสามารถทำให้ตนเองก้าวมาสู่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนได้เป็น CEO ของบริษัท มีอาชีพที่มั่นคงสามารถเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้สามารถรับชมได้ทางสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ โดยจะเริ่มออกอากาศตอนแรกทางช่อง WORKPOINT TV ช่อง 23 ในวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 22.30 น. นอกจากนี้อยากเชิญชวนให้ทุกท่านได้รับชมเทปสัมภาษณ์พิเศษโครงการ คปภ. เพื่อคนพิการ ปีที่ 2 “The Postcard of Inspiration ส่งความห่วงใยไปกับ คปภ.” ผ่านทางรายการ “เจาะใจ” โดยจะออกอากาศในวันเสาร์ที่ 29 เมษายน 2566 ทางช่อง 9 MCOT HD เวลา 21.00 น.
“ผู้พิการทุกคนล้วนมีคุณค่า มีศักยภาพ และจำเป็นต้องมีประกันภัยมาช่วยบริหารความเสี่ยง เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่พิการ ผมขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องผู้พิการทุกคน และจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ผู้พิการสามารถเข้าถึงระบบประกันภัยครับ” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย